วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

9.ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences)


ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences)  

สยุมพร ศรีมุงคุณ  (https://www.gotoknow.org/posts/341272) ได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีพหุปัญญาไว้ดังนี้ ทฤษฏีนี้มีความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญ  2  ประการ คือ
               1.เชาวน์ปัญญาของบุคคลมิได้มีเพียงความสามารถทางภาษาและทางคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่มีอยู่อย่างหลากหลายถึง 8 ประเภทด้วยกัน  ประกอบด้วย   
                                1.1เชาวน์ปัญญาด้านภาษา(Linguistic intelligence)
1.2เชาวน์ปัญญาด้านคณิตศาสตร์หรือการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ(Logical mathematical intelligence)  
1.3สติปัญญาด้านมิติสัมพันธ์(Spatial intelligence) 
                                1.4เชาวน์ปัญญาด้านดนตรี(Musical intelligence)
                                1.5เชาวน์ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ(Bodily kinesthetic intelligence)
                                1.6เชาวน์ปัญญาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น(Interpersonal intelligence)
                                1.7เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง(Intrapersonal intelligence)
                                1.8เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจธรรมชาติ(Naturalist intelligence)      
เชาวน์ปัญญาของแต่ละคนอาจจะมีมากกว่านี้  คนแต่ละคนจะมีความสามารถเฉพาะด้านที่แตกต่างไปจากคนอื่น  และมีความสามารถในด้านต่างๆ ไม่เท่ากัน  ความสามารถที่ผสมผสานกันออกมา  ทำให้บุคคลแต่ละคนมีแบบแผนซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน
                 2. เชาวน์ปัญญาของแต่ละบุคคลจะไม่อยู่คงที่อยู่ที่ระดับที่ตนมีตอนเกิด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้  หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้  คือ  มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายที่สามารถส่งเสริมเชาวน์ปัญญาหลายๆ ด้าน  ให้เหมาะสมกับขั้นพัฒนาการของผู้เรียน  การสอนควรเน้นการส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ของผู้เรียน  ครูควรสอนโดนเน้นให้ผู้เรียนค้นหาเอกลักษณ์ของตน  ภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของตนเอง  และเคารพในเอกลักษณ์ของผู้อื่น รวมทั้งเห็นคุณค่าและเรียนรู้ที่จะใช้ความแตกต่างของแต่ละบุคคลให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม  ระบบการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินหลายๆ ด้าน  และในแต่ละด้านควรเป็นการประเมินในสภาพการณ์ของปัญหาที่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยอุปกรณ์ที่สัมพันธ์กับเชาวน์ปัญญาด้านนั้นๆ  การประเมินจะต้องครอบคลุมความสามารถในการแก้ปัญหาหรือการสร้างสรรค์ผลงานโดยใช้อุปกรณ์ที่สัมพันธ์กับเชาวน์ปัญญาด้านนั้นๆ อีกวิธีหนึ่ง

ทิศนา แขมมณี  (2554 : 85 – 89)  ได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีพหุปัญญาไว้ดังนี้ ผู้บุกเบิกทฤษฎีนี้คือ การ์ดเนอร์ ( Gardner ) จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ( HarvardUniversity )ในปี ค.. 1983 เขาได้เขียนหนังสือชื่อ “ Frames of Mind : The Theory of Multiple Intelligences ” แนวคิดของเขาก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางความคิดเกี่ยวกับ เชาว์ปัญญา เป็นอย่างมาก และกลายเป็นทฤษฎีที่กำลังมีอิทธิพลอย่างกว้างขวางต่อการจัดการศึกษาและการเรียนการสอนในปัจจุบัน การ์ดเนอร์มีความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญ 2 ประการคือ
                1. เชาว์ปัญญาของบุคคลมิได้มีเพียงความสามารถทางภาษาและทางคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่มีอยู่
อย่างหลากหลายถึง 8 ประเภทด้วยกัน
                2. เชาว์ปัญญาของแต่ละบุคคลจะไม่อยู่คงที่อยู่ที่ระดับที่ตนมีตอนเกิด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม
                เชาว์ปัญญา 8 ด้านตามแนวคิดของการ์ดเนอร์ มีดังนี้
                                1. เชาว์ปัญญาด้านภาษา ( linguistic intelligence )
                                2.เชาว์ปัญญาด้านคณิตศาสตร์หรือการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ( logical-mathematical intelligence )
                                3.สติปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ ( spatial intelligence )
                                4. เชาว์ปัญญาด้านดนตรี ( musical intelligence )
                                5.เชาว์ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ ( bodily-kines-thetic intelligence )
                                6. เชาว์ปัญญาด้านการสัมพันธ์กับผู้อื่น ( interpersonal intelligence )
                                7. เชาว์ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง ( intrapersonal intelligence )
                                8. เชาว์ปัญญาด้านความเข้าใจธรรมชาติ ( naturalist intelligence )

เลิศชาย  ปานมุข  (http://www.lertchaimaster.com/forum/index.php?topic=36.0)  ได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีพหุปัญญาไว้ดังนี้ ทฤษฏีนี้มีความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญ  2  ประการ คือ
                1. เชาวน์ปัญญาของบุคคลมิได้มีเพียงความสามารถทางภาษาและทางคณิตศาสตร์เท่านั้น  แต่มีอยู่อย่างหลากหลายถึง 8 ประเภทด้วยกัน  ประกอบด้วย
                                1.1เชาวน์ปัญญาด้านภาษา(Linguistic intelligence)
                                1.2เชาวน์ปัญญาด้านคณิตศาสตร์หรือการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ(Logical mathematical intelligence)
                                1.3สติปัญญาด้านมิติสัมพันธ์(Spatial intelligence)
                                1.4เชาวน์ปัญญาด้านดนตรี(Musical intelligence)
                                1.5เชาวน์ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ(Bodily kinesthetic intelligence)
                                1.6เชาวน์ปัญญาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น(Interpersonal intelligence)
                                1.7เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง(Intrapersonal intelligence)
                                1.8เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจธรรมชาติ(Naturalist intelligence)

 เชาวน์ปัญญาของแต่ละคนอาจจะมีมากกว่านี้  คนแต่ละคนจะมีความสามารถเฉพาะด้านที่แตกต่างไปจากคนอื่น  และมีความสามารถในด้านต่างๆ ไม่เท่ากัน
                2. เชาวน์ปัญญาของแต่ละบุคคลจะไม่อยู่คงที่อยู่ที่ระดับที่ตนมีตอนเกิด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้  หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม

สรุปทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences)  
เป็นทฤษฎีที่มีอิทธิพลอย่างกว้างขวางต่อการจัดการศึกษาและการเรียนการสอนในปัจจุบัน การ์ดเนอร์มีความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญ 2 ประการคือ
                1. เชาว์ปัญญาของบุคคลมิได้มีเพียงความสามารถทางภาษาและทางคณิตศาสตร์เท่านั้น มีอยู่
ประเภท
                2. เชาว์ปัญญาของแต่ละบุคคลจะไม่อยู่คงที่อยู่ที่ระดับที่ตนมีตอนเกิด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม
                เชาว์ปัญญา 8 ด้านตามแนวคิดของการ์ดเนอร์ มีดังนี้
                                1. เชาว์ปัญญาด้านภาษา  
                                2.เชาว์ปัญญาด้านคณิตศาสตร์หรือการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ  
                                3.สติปัญญาด้านมิติสัมพันธ์  
                                4. เชาว์ปัญญาด้านดนตรี  
                                5.เชาว์ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ  
                                6. เชาว์ปัญญาด้านการสัมพันธ์กับผู้อื่น  
                                7. เชาว์ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง  
                                8. เชาว์ปัญญาด้านความเข้าใจธรรมชาติ  


ที่มา
สยุมพร ศรีมุงคุณ.(2553).https://www.gotoknow.org/posts/341272.
{ Online } เข้าถึงเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561.
ทิศนา แขมมณี.(2554).ศาสตร์การสอน:องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.
กรุงเทพ:สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
              เลิศชาย  ปานมุข.(2558). (http://www.lertchaimaster.com/forum/index.php?topic=36.0).  
{ Online } เข้าถึงเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561.







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

16.สื่อการสอนคณิตศาสตร์

สื่อการสอนคณิตศาสตร์ กุลนันท์ กลิ่นสุวรรณ   ( http://gullanun302.blogspot.com/2015/12/blog-post.html )ได้รวบรวมและกล่าวถึงสื่อการสอนไ...