รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ( 5E )
รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญดังนี้
1.ขั้นสร้างความสนใจ
(Engagement)
เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนหรือเรื่องที่สนใจซึ่งเกิดขึ้นจากความสงสัย
หรืออาจเริ่มจากความสนใจของตัวนักเรียนเองหรือเกิดจากการอภิปรายภายในกลุ่ม
เรื่องที่น่าสนใจอาจมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลานั้น
หรือเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เพิ่งเรียนรู้มาแล้ว
เป็นตัวกระตุ้นให้นักเรียนสร้างคำถาม กำหนดประเด็นที่ศึกษา ในกรณีที่ไม่มีประเด็นใดที่น่าสนใจ
ครูอาจให้ศึกษาจากสื่อต่างๆ หรือเป็นผู้กระตุ้นด้วยการเสนอด้วยประเด็นขึ้นมาก่อน แต่ไม่ควรบังคับให้นักเรียนยอมรับประเด็นหรือคำถามที่ครูกำลังสนใจเป็นเรื่องที่จะใช้ศึกษา
เมื่อมีคำถามที่น่าสนใจและนักเรียนส่วนใหญ่ยอมรับให้เป็นประเด็นที่ต้องการศึกษา
จึงร่วมกันกำหนดขอบเขตและแจกแจงรายละเอียดของเรื่องที่จะศึกษาให้มีความชัดเจนมากขึ้น
อาจรวมทั้งการรับรู้ประสบการณ์เดิม หรือความรู้จากแหล่งต่าง ๆ
ที่จะช่วยให้นำไปสู่ความเข้าใจเรื่องหรือประเด็นที่จะศึกษามากขึ้น
และมีแนวทางที่ใช้ในการสำรวจตรวจสอบอย่างหลากหลาย
2.ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
เมื่อทำความเข้าใจในประเด็นหรือคำถามที่สนใจจะศึกษาอย่างถ่องแท้แล้ว
ก็มีการวางแผนกำหนดแนวทางสำหรับการตรวจสอบตั้งสมมติฐาน กำหนดทางเลือกที่เป็นไปได้
ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อสนเทศ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ
วิธีการตรวจสอบอาจทำได้หลายวิธี เช่นทำการทดลอง ทำกิจกรรมภาคสนาม
การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยสร้างสถานการณ์จำลอง (Simulation) การศึกษาหาข้อมูลจากเอกสารอ้างอิงหรือจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลอย่างเพียงพอที่จะใช้ในขั้นต่อไป
3.ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป
(Explanation)
เมื่อได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสำรวจตรวจสอบแล้ว
จึงนำข้อมูลข้อสนเทศที่ได้มิเคราะห์ แปลผล สรุปผลและนำเสนอผลที่ได้ในรูปต่าง ๆ
เช่น บรรยายสรุป สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ หรือรูปวาด สร้างตาราง ฯลฯ การค้นพบในขั้นนี้อาจเป็นไปได้หลายทาง เช่น สนับสนุนสมติฐานที่ตั้งไว้
โต้แย้งกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ หรือไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ได้กำหนดไว้
แต่ผลที่ได้จะอยู่ในรูปใดก็สามารถสร้างความรู้และช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้
4.ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
เป็นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือความคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติมหรือนำแบบจำลองหรือข้อสรุปที่ได้ไปใช้อธิบายสถานการณ์หรือเหตุการณ์อื่น
ๆ ถ้าใช้อธิบายเรื่องต่าง ๆ ได้มากก็แสดงว่าข้อจำกัดน้อย
ซึ่งจะช่วยให้เชื่อมโยงกับเรื่องต่าง ๆ และทำให้เกิดความรู้กว้างขวางขึ้น
5.ขั้นประเมิน (Evaluation)
เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่าง
ๆ ว่านักเรียนมีความรู้อะไรบ้าง อย่างไร และมากน้อยเพียงใด
จากขั้นนี้จะนำไปสู่การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่น
ๆการนำความรู้หรือแบบจำลองไปใช้อธิบายหรือประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์หรือเรื่องอื่น ๆ
จะนำไปสู่ข้อโต้แย้งหรือข้อจำกัดซึ่งจะก่อให้เกิดประเด็นหรือคำถาม
หรือปัญหาที่จะต้องสำรวจตรวจสอบต่อไป
ทำให้เกิดเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จึงเรียกว่า Inquiry
cycle กระบวนการสืบเสาะหาความรู้จึงช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ทั้งเนื้อหาหลักและหลักการ
ทฤษฎี ตลอดจนลงมือปฏิบัติ เพื่อให้ได้ความรู้ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการเรียนต่อไป
ข้อดีและข้อจำกัด
ข้อดี
1.ผู้เรียนได้ศึกษาหาความรู้
แก้ปัญหา และสรุปผลความรู้ด้วยตนเอง
2.ผู้เรียนได้ฝึการแก้ปัญหา
3.ส่งเสริมได้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดแก้ปัญหา
4.สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน
ข้อจำกัด
1.ใช้เวลามาก
2.เหมาะกับวิชาที่ให้เหตุผล
3.ผู้สอนต้องมีเทคนิคในการกระตุ้นให้ผู้เรียนกล้าถามคำถาม
4.สถานการณ์หรือปัญหาที่นำมาเสนอควรมีความเหมาะสม
ตัวอย่างแผนการสอน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่
1
กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร เวลาเรียน 2 ชั่วโมงเรื่อง ปริมาตรของกรวย เวลาเรียน 1 ชั่วโมง
ผู้สอน : นางสาวอุษา พัดผล
รหัส5910111204008
คบ.คณิตศาสตร์ โรงเรียนสรวงสุทธาวิทยา
มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐานค 2.1 เข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งของที่ต้องการวัด
มาตรฐานค 3.1 อธิบายและวิเคราะห์รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ
ตัวชี้วัด
ค 2.1 ม.3/2 หาปริมาตร ของปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด กรวย และทรงกลม
ค 3.1
ม.3/1 อธิบาย ลักษณะและ สมบัติของปริซึม พีระมิด ทรงกระบอก กรวย และ ทรงกลม
สาระสำคัญ
รูปเรขาคณิตสามมิติ
มีฐานเป็นรูปวงกลม มียอดแหลมที่ไม่อยู่ระนาบเดียวกันกับฐานและเส้นที่ต่อระหว่างจุดยอดกับจุดใดๆบนขอบของฐานเป็นส่วนของเส้นตรง ซึ่งการหาปริมาตรของกรวยทำได้โดยใช้สูตร
1/3 x πr2h
จุดประสงค์การเรียนรู้
1.อธิบายลักษณะหรือส่วนประกอบของกรวยได้ (K)
2.บอกสูตรในการหาปริมาตรของกรวยได้ (K)
3.คำนวณหาปริมาตรของกรวยได้ (P)
5. ตระหนักถึงความสำคัญของการหาปริมาตรของกรวยและมีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์
(A)
สาระการเรียนรู้
ความรู้
กรวย คือ รูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานเป็นรูปวงกลม มียอดแหลมที่ไม่อยู่ระนาบเดียวกันกับฐานและเส้นที่ต่อระหว่างจุดยอดกับจุดใดๆบนขอบของฐานเป็นส่วนของเส้นตรง
คุณสมบัติของกรวยมีดังนี้ เป็นรูปทรงสามมิติที่มีฐานเป็นรูปวงกลมและมียอดเป็น มุมแหลม
ส่วนประกอบของกรวย ได้แก่ ฐาน สูงเอียง ส่วนสูง ยอด และแกน
สูตรการหาปริมาตรของกรวย คือ 1/3 x πr2h
ทักษะ
ทักษะการอ่าน
ทักษะการคิดวิเคราะห์
ทักษะการคิดแก้ปัญหา
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
มีวินัย
ใฝ่เรียนรู้
มุ่งมั่นในการทำงาน
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1.ความสามารถในการสื่อสาร
2.ความสามารถในการคิด
ทักษะการคิดวิเคราะห์
3.ความสามารถในการแก้ปัญหา
4.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
กระบวนการปฏิบัติ
กระบวนการทำงานกลุ่ม
กิจกรรมการเรียนรู้
1.ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
1.1 ผู้สอนถามนักเรียนถึงความหมายและสูตรการหาปริมาตรของทรงกระบอก(ซึ่งความหมายของทรงกระบอกคือรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานเป็นรูปวงกลมทั้งสองด้านส่วนสูตรการหาปริมาตรทรงกระบอกจะได้คำตอบคือ
πr2h ) ผู้สอนเสริมต่อว่าวันนี้เราจะมาเรียนกันในเรื่องของการหาปริมาตรกรวย
1.2ผู้สอนสุ่มถามนักเรียน3-4คนว่าในหมู่บ้านของนักเรียนหรือในชีวิตประจำวันของนักเรียนมีอะไรบ้าง
พบเจออะไรบ้างที่เป็นรูปกรวย (นักเรียนก็จะตอบ สิ่งของต่างๆรอบตัวที่เป็นรูปกรวย
เช่น โคนไอศกรีม กรวยจราจร หมวกปาร์ตี้ ปีโป้ ฯลฯ)
1.3 ผู้สอนฉายสไลด์ภาพส่วนประกอบต่างๆของกรวยที่ด้านบนหน้าจอ
จากนั้นนำโมเดลรูปกรวยที่ประดิษฐ์ขึ้นมาอธิบายเพื่อในนักเรียนเห็นภาพและเข้าใจมากขึ้น
ผู้สอนอธิบายพร้อมชี้แต่ละส่วนประกอบจนครบ จากนั้นถามนักเรียนว่า จากส่วนประกอบของกรวยนักเรียนคิดว่า
กรวยคืออะไร (จะได้คำตอบที่หลายหลายจากนักเรียน) ผู้สอนสรุปความหมายให้ว่า กรวย (Cone) คือ รูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานเป็นรูปวงกลม มียอดแหลมที่ไม่อยู่ระนาบเดียวกันกับฐาน
และเส้นที่ต่อระหว่างจุดยอดกับจุดใดๆ
บนขอบของฐานเป็นส่วนของเส้นตรง
1.4 ผู้สอนนำโมเดลทรงกระบอกและกรวยที่เตรียมไว้ให้นักเรียนดูและสอบถามว่า
นักเรียนคิดว่ากรวยและทรงกระบอกนี้มีอะไรที่เท่ากันบ้าง (นักเรียนก็จะตอบว่ามีฐานที่เท่ากัน
มีความสูงที่เท่ากันค่ะ/ครับ) จากนั้นจะให้นักเรียนสังเกตกิจกรรมที่ผู้สอนทำคือ ผู้สอนจะใช้โมเดลกรวยตวงถั่วเขียวเทใสโมเดลทรงกระบอกที่เตรียมไว้
จากนั้นผู้สอนถามนักเรียนว่าสังเกตแล้วได้อะไรบ้าง (นักเรียนจะตอบว่าเราต้องใช้โมเดลกรวยตวงถั่วเขียวเท่ใส่โมเดลทรงกระบอก3ครั้งถั่วเขียวจะเต็มโมเดลทรงกระบอกพอดี)
ก็จะนำไปสู่สูตรการหาปริมาตรของกรวย คือ
ของปริมาตรทรงกระบอก หรือ 1/3
x πr2h
2. ขั้นสำรวจค้นคว้า (Exploration)
2.1ผู้สอนให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละประมาณ5-6คน (แบ่งโดยคละความสามารถ คือ มีทั้งเด็กเก่ง เด็กปานกลางและเด็กอ่อน)
ผู้สอนแจกอุปกรณ์การทำกิจกรรมได้แก่ กาว กรรไกร ถั่วเขียว
โมเดลทรงกระบอกโมเดลกรวยและใบงานบันทึกผลกิจกรรม (แจกโมเดลกลุ่มละ 2 ขนาดและแต่ละกลุ่มจะได้ขนาดที่แตกต่างกัน)
ให้นักเรียนลองใช้โมเดลกรวยตวงถั่วเขียวแล้วเทใส่โมเดลทรงกระบอกที่มีฐานและความสูงเท่ากันว่าเป็นจริงเหมือนที่ผู้สอนทำให้ดูหรือไม่
2.2ผู้สอนให้นักเรียนบันทึกผลกิจกรรมลงในใบกิจกรรมที่ได้รับ
3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
3.1ผู้สอนให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปกิจกรรมข้างต้นโดยการถามนักเรียนว่าปริมาตรทรงกระบอกและปริมาตรกรวยมีความสัมพันธ์กันอย่างไร(จะได้คำตอบที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม)ผู้สอนพูดทวนตามคำตอบที่นักเรียนตอบมาแล้วสรุปกิจกรรมให้ว่า
ปริตรของกรวยเป็น1ใน3ของทรงกระบอกหรือปริมาตรของทรงกระบอกเป็น3เท่าของปริมาตรกรวย
คือ ปริมาตรของกรวย =
ของปริมาตรของทรงกระบอก =
x พื้นที่ฐาน x
สูง
=
x πr2h
* เมื่อ r แทน รัศมีของฐานของกรวย
h แทน ความสูงของกรวย
4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
4.1ผู้สอน ให้นักเรียนทำโจทย์หาปริมาตรของกรวย 2 ข้อ จากนั้นเฉลยให้นักเรียนดู
ตัวอย่างที่ 1 กรวยกระดาษสำหรับใส่น้ำดื่มสูงประมาณ 9.4
เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางของปากกรวยยาว
7 เซนติเมตร กรวยใบนี้จุน้ำได้เท่าไร
(กำหนดให้
3.14)
วิธีทำ กรวยกระดาษมีรัศมีของปากกรวยยาว 7/2 = 3.5 เซนติเมตร
สูงประมาณ 9.4 เซนติเมตร
เนื่องจาก ปริมาตรของกรวย = 1/3 ของปริมาตรของทรงกระบอก
= 1/3 x พื้นที่ฐาน x สูง
= 1/3
r2h
ดังนั้น ปริมาตรของกรวยกระดาษ = 1/3 x
x (3.5)2 x 9.4
1/3 x 3.14 x 12.25 x 9.4
120.5 ลูกบาศก์เซนติเมตร
นั่นคือ กรวยกระดาษใบนี้จุน้ำได้ประมาณ 120.5 ลูกบาศก์เซนติเมตร
วิธีทำ กรวยกระดาษมีรัศมีของปากกรวยยาว 7/2 = 3.5 เซนติเมตร
สูงประมาณ 9.4 เซนติเมตร
เนื่องจาก ปริมาตรของกรวย = 1/3 ของปริมาตรของทรงกระบอก
= 1/3 x พื้นที่ฐาน x สูง
= 1/3
ดังนั้น ปริมาตรของกรวยกระดาษ = 1/3 x
นั่นคือ กรวยกระดาษใบนี้จุน้ำได้ประมาณ 120.5 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ตัวอย่างที่ 2 กรวยฐานรูปวงกลมรัศมี 12 เซนติเมตร สูงเอียง 20 เซนติเมตร
จะมีปริมาตรเท่าไร
วิธีทำ หาความสูงตรงของกรวย
จากรูปใช้ทฤษฎีบทปีทาโกรัส AB2 = AC2 - BC2
= 202 - 122
= 256
AB = 16 เซนติเมตร
แทนค่าหาปริมาตร
วิธีทำ หาความสูงตรงของกรวย
จากรูปใช้ทฤษฎีบทปีทาโกรัส AB2 = AC2 - BC2
= 202 - 122
= 256
AB = 16 เซนติเมตร
แทนค่าหาปริมาตร
ปริมาตรกรวย =
x ปริมาตรทรงกระบอก
=
1/3 x พื้นที่ฐาน x สูง
=
1/3πr2h
= 1/3 x 3.14 x 122 x 16
2,411.52
ดังนั้น กรวยมีปริมาตร 2,411.52 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ดังนั้น กรวยมีปริมาตร 2,411.52 ลูกบาศก์เซนติเมตร
5. ขั้นประเมินผล (Evaluation)
5.1ผู้สอนให้นักเรียนร่วมกันสรุปและอภิปรายเกี่ยวกับความหมายของกรวย
คุณสมบัติของกรวย ส่วนประกอบของกรวยและสูตรการหาปริมาตรของกรวย โดยถามนักเรียนว่า กรวยคืออะไร
มีคุณสมบัติอะไรบ้างและมีสูตรการหาปริมาตรว่าอย่างไร กรวย (Cone) คือ รูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานเป็นรูปวงกลม มียอดแหลมที่ไม่อยู่ระนาบเดียวกันกับฐานและเส้นที่ต่อระหว่างจุดยอดกับจุดใดๆบนขอบของฐานเป็นส่วนของเส้นตรง มีคุณสมบัติคือ เป็นรูปทรงสามมิติที่มีฐานเป็นรูปวงกลมและมียอดเป็นมุมแหลม
ส่วนประกอบของกรวยได้แก่ แกน
, สูงเอียง , ยอด , ฐานและส่วนสูง
สูตรการหาปริมาตรของกรวย คือ
ของปริมาตรของทรงกระบอก หรือ
1/3 x πr2h
5.2ผู้สอนแจกใบงานเรื่องกรวยให้นักเรียนทำมาส่งในคาบต่อไป
และแจกใบความรู้ที่เป็นความรู้ในเรื่องกรวยและความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนกลับทบทวน
สื่อและแหล่งเรียนรู้
สื่อการสอน
ใบความรู้
“ การหาปริมาตรกรวย ”
power
point ส่วนประกอบของกรวยและตัวอย่างการหาปริมาตรกรวย
ใบงาน
“ ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรทรงกระบอกและปริมาตรกรวย ”
ใบงาน
“ กรวย ”
กาว
กรรไกร ถั่วเขียว โมเดลทรงกระบอกและโมเดลกรวย
แหล่งเรียนรู้
หนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3
ห้องสมุดโรงเรียน
คุณครู
เพื่อนนักเรียน
การวัดและการประเมินผล
สิ่งที่ต้องการวัด
|
วิธีการวัด
|
เครื่องมือที่ใช้การวัด
|
เกณฑ์การประเมิน
|
นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะหรือส่วนประกอบของกรวยได้
|
การถาม – ตอบ
|
คำถามและใบงาน
|
บอกลักษณะหรือส่วนประกอบของกรวยได้ถูกต้อง
|
นักเรียนบอกสูตรในการหาปริมาตรของกรวยได้
|
การถาม – ตอบ
การทำใบงาน
|
คำถามและใบงาน
|
บอกสูตรการหาปริมาตรของกรวยได้ถูกต้อง
|
นักเรียนสามารถคำนวณหาปริมาตรของกรวยได้
|
การทำใบงาน
|
ใบงาน
|
ต้องมากกว่า 80 %
|
นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของการหาปริมาตรของกรวยและมีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์
|
การสังเกต
|
ทำงานที่ได้รับมอบหมายครบถ้วน ส่งงานตรงต่อเวลา เข้าเรียนตรงต่อเวลา
และตั้งใจเรียน
|
ต้องมากกว่า 80 %
|
เกณฑ์การประเมิน
ประเด็น
การประเมิน
|
ระดับคุณภาพ
|
|||
4
|
3
|
2
|
1
|
|
1.การตอบคำถามและการให้ความร่วมมือ
|
-ตอบคำถามถูกต้อง ตรงประเด็นหรือแสดงความคิดเห็นและให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ
|
-ตอบคำถามหรือแสดงความคิดเห็นและให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเป็นบางครั้ง
|
-ไม่ค่อยตอบคำถามหรือแสดความคิดเห็นและให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
|
-ไม่ตอบคำถามหรือแสดงความคิดเห็นใดๆและไม่ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
|
2.การทำใบงาน
|
ถูกต้อง 80% ขึ้นไป
|
ถูกต้อง 60 - 79%
|
ถูกต้อง 50 - 69%
|
ถูกต้อง 40 - 59%
|
3.
มีวินัย/ใฝ่เรียนรู้/มุ่งมั่นในการทางาน
|
-ส่งงานตรงต่อเวลา
- เข้าเรียนตรงต่อเวลา ไม่มาเรียนสาย
-ปฏิบัติตัวอยู่ในกฎระเบียบอยู่สม่ำเสมอ
|
-ส่งงานตรงต่อเวลา
- เข้าเรียนสายบางครั้ง
-ปฏิบัติตัวอยู่ในกฎระเบียบบางครั้ง
|
-ส่งงานไม่ตรงเวลา
- เข้าเรียนสายบางครั้ง
-ไม่ค่อยปฏิบัติตัวอยู่ในกฎระเบียบ
|
-ไม่ส่งงาน
- เข้าเรียนสายเป็นประจำ
-ไม่ปฏิบัติตัวอยู่ในกฎระเบียบ
|
เกณฑ์การตัดสิน
ช่วงคะแนน
|
ระดับคุณภาพ
|
12-10 คะแนน
|
ดีมาก
|
7-9 คะแนน
|
ดี
|
4-6 คะแนน
|
พอใช้
|
ต่ำกว่า 4 คะแนน
|
ปรับปรุง
|
บันทึกผลการเรียนรู้
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………….....................................
ที่มา
ศุภวรรณ
เล็กวิไล.(2561).การจัดการเรียนรู้
ทูลตะวัน ภาษีธรรม.(2561).การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้5E.https://www.gotoknow.org
[ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อ 30 สิงหาคม
2561
ชัยชนม์ หลักทอง.(2561).รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้5E.
https://sites.google.com/a/kkumail.com [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อ 30 สิงหาคม
2561
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น